อันตรายของสารเคมีกำจัดวัชพืช
1. สถานการณ์
ปัจจุบันมีสารเคมีกำจัดวัชพืชหลายชนิดในประเทศไทยที่เกษตรกรมีความนิยมใช้ค่อนข้างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสารเคมีกำจัดวัชพืช
ที่เกษตรกรรู้จักกันแพร่หลายอย่างดี ที่ชื่อว่า พาราควอท ซึ่งจัดว่าเป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชที่มีพิษรุนแรงมากที่สุดในกลุ่มเคมีใช้กำจัดวัชพืช
2. พิษภัยของพาราควอท
เนื่องจากพาราควอท เป็นสารที่มีพิษร้ายแรง และไม่มียาชนิดใดที่แก้พิษพาราควอทได้ผลดี
ดังนั้น ในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย จึงมีข้อกำหนดให้ผสมสารที่ทำให้อาเจียนและสีลงไปในพาราควอทเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและดื่มเข้าไป
สารเคมีกำจัดวัชพืช (Herbicides) หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า
ยาฆ่าหญ้า
ในประเทศไทยมีใช้กันอย่างแพร่หลายมานานแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
เนื่องจากแรงงานในภาคเกษตรกรรมมีลดลงจึงจำเป็นต้องนำสารเคมีเข้ามาทดแทนมากขึ้นขณะเดียวกัน
ก็มีการพัฒนาสารเคมีกลุ่มนี้ออกมาจำหน่ายในท้องตลาดเพิ่มมากขึ้น
โดยมีการปรับปรุงเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดวัชพืชที่เฉพาะเจาะจงตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้
3. การใช้สารเคมี
พาราควอท (paraquat และ 2,4-D paraquat) เป็นสารเคมีประเภทสัมผัส
(ฉีดพ่นให้ถูกโดยตรง) ทำให้พืชที่ถูกแสงแดดไหม้ โดยดูดซึมเข้าต้นพืชได้บ้าง
และพืชแห้งเหี่ยวเฉาตาย
ประโยชน์
สามารถกำจัดวัชพืช (หญ้า) ทั้งใบแคบ ใบกว้างกว่า 50 ชนิด
โดยใช้ในพื้นที่เพาะปลูกพืชต่าง ๆ เช่น ไร่ข้าวโพด, ไร่ถั่ว สวนผลไม้ พืชผัก
พื้นที่นา สวนยางพารา
สารเคมีพาราควอท เหมาะที่จะใช้ในพื้นที่ไม่ต้องไถเตรียมดินเพาะปลูกพืช
เพื่อป้องกันไม่ให้ดินพังทลาย หรือดินสไลด์ลงได้
การปลูกพืชปัจจุบันมีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช
มีการใช้ระยะสำคัญ ดังนี้
1. ใช้สารเคมีเตรียมดินก่อนปลูกพืช
2. ใช้สารเคมีหลังหว่านพืช
3. ใช้สารเคมีหลังพืชหลักงอกแล้ว
-
การใช้สารเคมีเฉพาะเจาะจงบางชนิดศัตรูพืชนั้น ๆ
-
การใช้สารเคมีเมื่อพ่นสัมผัสกันในพืช
-
การใช้สารเคมี เมื่อพืชดูดซึมเข้าไปทำลายท่อน้ำ
ท่ออาหารพืช
สารเคมีทุกชนิด
มีพิษต่อสิ่งมีชีวิตทุกระบบ
4. ตารางการใช้สารกำจัดวัชพืชในไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
วัชพืช |
สารกำจัดวัชพืช
1/ |
อัตราการใช้/ น้ำ |
วิธีการใช้/ข้อควรระวัง |
วัชพืชฤดูเดียว วัชพืชฤดูเดียว วัชพืชข้าวปี |
อะลาคลอร์ (48% อีซี) -------------------------------- เมโทลาคลอร์ (40% อีซี) ------------------------------ อะเซโทคลอร์ (40% อีซี) พาราควอท (27.6% เอสแอล) ------------------------------ ไกลโฟเสท ------------------------------- กลูโฟซิเนตแอมโมเนียม (15% เอสแอล) |
125 150 มิลลิลิตร ------------------------------ 125 150 มิลลิลิตร ------------------------------- 80 120 มิลิลิตร 75 100 มิลิลิตร ------------------------------ 120 160 มิลลิลิตร (48 % เอสแอล) ------------------------------- 300 400 มิลลิลิตร |
พ่นคลุมดินหลังปลูกก่อนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัชพืชงอก
ขณะพ่นดินต้องมีความชื้น พ่นก่อนเตรียมดิน 3-7 วัน
หรือพ่นระหว่างแถวหลังปลูก 20-25 วัน ขณะวัชพืชมี 3-4 ใบ
หรือก่อนวัชพืชออกดอกระวังละอองสารสัมผัสใบและต้นข้าวโพด ใช้ในแหล่งที่พบวัชพืชหนาแน่นโดยพ่นก่อนปลูกหรือก่อนเตรียมดิน
7 -15 วัน |
1/
ในวงเล็บ คือ เปอร์เซ็นสารออกฤทธิ์และสูตรของสารกำจัดวัชพืช
2/ ใช้น้ำอัตรา 80 ลิตรต่อไร่
ฐานความรู้การใช้สารกำจัดศัตรูพืช : กรมวิชาการเกษตร
รวบรวมโดย สำนักงานเกษตรอำเภอวังเหนือ
จังหวัดลำปาง